วันนี้ (11 พ.ค. 66) ที่ สหกรณ์การเกษตรกระสัง จำกัด อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ นางวิไล ยูฮันเซ่น สหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายวิระ เกรัมย์ ประธานสหกรณ์การเกษตรกระสัง , นายสันติ วิริยอุดมศิริ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ ร่วมดำเนินกิจกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายข้าวสารหอมมะลิ 105 คุณภาพ 100% ของสหกรณ์การเกษตรกระสัง จำกัด กับสละพันธ์สุมาลี ผลไม้คุณภาพดี จากสหกรณ์การเกษตรคลองหอยโข่ง จำกัด จ.สงขลา

โดย สหกรณ์การเกษตรกระสัง จำกัด ได้นำข้าวสารหอมมะลิคุณภาพดี จากจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 4,500 กก. มูลค่า 150,540.- บาท เชื่อมโยงเครือข่ายกับสละพันธุ์สุมาลี ผลไม้คุณภาพดี ของ สหกรณ์กากรเกษตรคลองหอยโข่ง จำกัด จ.สงขลา จำนวน 1,000 กิโลกรัม 65,000.- บาท เพื่อนำไปจำหน่ายให้กับผู้บริโภคในจังหวัดบุรีรัมย์ ตามจุดต่างๆ ในจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อขอซื้อสละได้ที่เบอร์ 093-417-5751 นอกจากนี้ สหกรณ์การเกษตรลับแล จ.อุตรดิตถ์ ยังได้รับซื้อข้าวจากจังหวัดบุรีรัมย์เพิ่มขึ้นอีก 4,500 กก. ยอดเงินกว่า 150,000 บาท เพื่อนำไปกระจายต่อภายในจังหวัดเช่นเดียวกัน

นางวิไล ยูฮันเซ่น สหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า กิจกรรมในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรผ่านขบวนการสหกรณ์ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าสู่ผู้บริโภคโดยตรง เป็นการขับเคลื่อนการเชื่อมโยงเครือข่ายให้เข้มแข็งแก่ขบวนการสหกรณ์ เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าสหกรณ์ที่มีคุณภาพราคาถูกเพื่อลดค่าครองชีพแก่สมาชิกสหกรณ์ และประชาชนทั่วไปได้บริโภคสินค้าสหกรณ์คุณภาพดี ราคาถูก ทั้งยังได้อุดหนุนผลผลิตเกษตรกรไทย สุขใจทั้งผู้ให้ และผู้รับ และยังช่วยให้สมาชิกมีรายได้จากการขายสินค้าเกษตร สหกรณ์มีช่องทางการขายสินค้า เกษตรกรสมาชิกมีรายได้ ผ่านการบริหารจัดการโดยกระบวนการสหกรณ์ นอกจากนี้ยังมีแผนการพัฒนาสหกรณ์ โดยวันพรุ่งนี้(12 พ.ค. 66) จะมีการประชุมเชื่อมโยงเครือข่ายสหกรณ์ในจังหวัดร่วมกัน เตรียมขยายเครือข่ายเพิ่มเติมและวางแผนการเชื่อมโยงสินค้าเกษตรร่วมกับจังหวัดอื่นๆต่อไป

ด้านนายวิระ เกรัมย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันสหกรณ์การเกษตรกระสัง จำกัด มีจำนวนข้าวในโกดัง 370 ตัน ที่พร้อมจะเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรผ่านขบวนการสหกรณ์ ซึ่งขณะนี้ทางสหกรณ์ยังคงเปิดรับซื้อข้าวจากเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมจัดตลาดนัดข้าวเปลือก เปิดโอกาสให้เกษตรกรนำข้าวเปลือกที่จำนำไว้ในยุ้งฉางมาขายผ่านการประมูลโดยกลุ่มโรงสี อิงราคาการตลาด เพื่อสร้างอำนาจการต่อรองให้เกษตรกร และสามารถขายได้ข้าวได้ในราคาที่เป็นธรรม

(อ่านเพิ่มเติม)